ทัวร์ส่วนตัวยุโรป (POT001) เจาะลึกโปรตุเกส 10 วัน 9 คืน
ทัวร์ส่วนตัวยุโรป (POT001) เจาะลึกโปรตุเกส 10 วัน 9 คืน
เที่ยวโปรตุเกสแบบส่วนตัว ทัวร์งานดี จนต้องบอกต่อ เที่ยวครบทุกเมืองไฮไลต์ ไปทีเดียว อิ่ม ไม่ต้องไปซ้ำรอบสอง เที่ยวกับคนไทยในโปรตุเกส กับ SEE YOU AGAIN เราเจาะลึกไม่เหมือนใคร เริ่มต้นทัวร์จาก Lisbon Portela Airport - Porto - Guimaraes - Braga - Coimbra - Fatima - Batalha - Nazare - Obidos - Lisbon - Queluz - Evora - Faro - Sintra - Lisbon Portela Airport ทริปสมบูรณ์ อ่านโปรแกรมก่อน แล้วจะรู้ว่าเที่ยวโปรตุเกสแบบสุดสุด
ทัวร์ส่วนตัวยุโรปเจาะลึกโปรตุเกส 10 วัน 9 คืน
Day 1 - Lisbon Portela Airport - Porto
Day 2 - Guimaraes
Day 3 - Braga - Coimbra
Day 4 - Fatima - Batalha - Nazare - Obidos
Day 5 - Lisbon
Day 6 - Lisbon - Queluz
Day 7 - Evora
Day 8 - Faro
Day 9 - Sintra
Day 10 - Lisbon Portela Airport
การจองตั๋วเครื่องบิน
กรุงเทพ - ลิสบอน
ลิสบอน - กรุงเทพ
1 Lisbon Portela Airport - Porto
วันแรก เรารอรับท่านที่สนามบิน Lisbon Portela Airport ในกรุงลิสบอน จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองโปร์ตู (Porto) เมืองทางเหนือของโปรตุเกส ระยะทาง 312 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง เมือง Porto เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรูทางตอนเหนือของประเทศ เป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996
เมืองโปร์ตูเป็นเมืองที่รู้จักเป็นอย่างดีจาก Douro (แม่น้ำทองคำ) ท่าเรือ (Port) และไวน์ เสน่ห์ของเมืองนี้อยู่ที่ตึกต่าง ๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ Douro โดยเฉพาะย่าน Ribiera เราจะเห็นสีสันต่างๆ ของบ้านพักอาศัยกับร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ทอดยาวเลียบแม่น้ำไป และยิ่งตอนเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตก วิวจากมุมนี้บอกได้คำเดียวว่าสวยมาก แสงจากพระอาทิตย์จะกระทบแม่น้ำเป็นสีทองซึ่งนั่นเป็นที่มาของคำว่า Duoro
จากย่าน Ribiera เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำ Duoro ความพิเศษของสะพานนี้อยู่ที่ทีมออกกแบบของ กุสตาฟ ไอเฟล เราจะเห็นฐานของสะพานคล้ายๆกับหอไอเฟล ด้านบนของสะพานจะเป็นรางรถไฟ เส้นทางของสะพานข้ามจากตัวเมืองเก่ากับย่าน Vila Nova de Gaia ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ฝั่ง Vila Nova de Gaia เกือบทั้งหมดจะเป็นโรงบ่มไวน์ และร้านอาหารริมแม่น้ำ
ชมวิหารแห่งปอโต้ se do porto (Porto Cathedral) จะพบวิวแบบพาโนรามา เห็นบ้านเมืองเป็นสีส้ม สูงต่ำสลับกัน รวมถึงเห็นแม่น้ำ Douro อันสวยงามอีกด้วย
ชม Liberdade Square (Historical center) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการประจำเมืองแบบนีโอคลาสสิก และยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Monument to King Peter IV อดีตกษัติย์ของโปรตุเกสอีกด้วย
ชม Torre dos Cl?rigos หอระฆังสำคัญประจำเมือง สามารถขึ้นบันได 240 ขั้นเพื่อชมวิวของ Porto จากมุมสูงได้
สำหรับแฟนๆแฮรี่ พอตเตอร์ พลาดไม่ได้กับร้านหนังสือ Livraria Lello ที่ว่ากันว่าเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการเขียนแฮรี่ พอตเตอร์ของเจ.เค.โรว์ลิ่ง
ค้างคืน Porto : ตัวอย่างโรงแรม Pao de Acucar Hotel *** (คืนที่หนึ่ง)
2 Guimaraes
ออกเดินทางสู่เมืองกิมาไรส์ Guimaraes ซึ่งอยู่ห่างจาก Porto ไปเพียง 55 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็เดินทางถึง กิมาไรส์ (Guimaraes) เป็นเมืองประวัติศาสตร์สวยที่สุดในโปรตุเกส อยู่ทางตอนเหนือของโปรตุเกส และเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งบริเวณศูนย์กลางของเมืองได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
เมืองกิมาไรส์ เป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ประสูติของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 กษัตริย์พระองค์แรกของโปรตุเกส โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงตระหง่าน อากาศ เย็นตลอดทั้งปี
ปัจจุบันเมืองกิมาไรส์ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยเฉพาะชื่อเสียงของ ปราสาทกิมาไรส์ (Guimaraes Castle) ปราสาทยุคกลางที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 ตามคำสั่งของ Mumadona Dias เคาน์เตสแห่งโปรตุเกส เพื่อปกป้องเมืองจากการโจมตีของชาวมัวร์และชาวนอร์แมน ซึ่งปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโปรตุเกสไปแล้ว
เดินเที่ยวเล่นในเขตเมืองเก่า Guimaraes ไดัรับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO และชมพระราชวัง Palace of the Dukes of Braganza
จัตุรัส Oliveira (Largo da Oliveira ) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองกิมาไรส์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเมือง ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงร้านอาหารและร้านกาแฟ ซึ่งเปิดบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเมืองเป็นจำนวนมาก
สุดท้ายชมความสวยงามของ ภูเขา Penha ที่นี่คุณจะได้ชมวิวเมืองกิมาไรส์ในมุมมองที่สวยที่สุดอีกด้วย
ค้างคืน Porto : ตัวอย่างโรงแรม Pao de Acucar Hotel *** (คืนที่สอง)
3 Braga - Coimbra
ออกเดินทางไปเมืองบรากา (Braga) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศโปรตุเกส ใกล้ๆ กับเมือง Porto ห่างไปเพียง 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจาก Porto ราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
บรากาถือว่าเป็นอีกเมืองที่ความสวยงามเเละน่าสนใจอย่างมากในทุกๆ ด้านเลยก็ว่าได้ เเละการมาเที่ยวโปรตุเกสหากไม่มาเที่ยวบรากาเเล้วก็เหมือนกับว่าจะพลาดโอกาสชมความงดงามของงาศิลปกรรมสวยๆ อย่างน่าเสียดาย
Braga นับว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สามของโปรตุเกส โดยตั้งอยู่ในหุบเขาที่เเสนจะสวยงามท่ามกลางเนินเขาเล็กๆ และภูเขาที่มีความเขียวชอุ่มมากมาย พร้อมกับให้คุณได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศในแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่สบายๆ เป็นอย่างยิ่ง เเละที่สำคัญนั้นเมืองเเห่งนี้จะเต็มไปด้วยอาคารสำคัญๆ ทางศาสนามากมาย เเละพิพิธภัณฑ์ที่มีความสวยงามหลายต่อหลายเเห่ง เรียกว่าเป็นเมืองที่ครบเครื่องเเละเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการมาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
เป็นเมืองที่เจริญรวดเร็วที่สุดเเห่งหนึ่งของยุโรป โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างมากก็คือ ที่ Bom Jesus do Monte โบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาของเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Braga สวยงามมาก เป็นสถานที่ที่มีความเชื่อกันมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก มีโบสถ์อยู่ด้านบน ต้องขึ้นบันไดผ่านเเนวกำเเพงที่ทอดยาว โดยตัวโบสถ์นั้นมีความเก่าเเก่มาตั้งเเต่ศตวรรษที่ 18 ซึ่งสร้างบนฐานเดิมตั้งเเต่ศตวรรษที่ 13
สามารถชมความสวยงามของเมืองบรากาได้จากบริเวณที่ตั้งของโบสถ์ซึ่งมีความงดงามอย่างมาก ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองก็คือวิหารบรากา ซึ่งสร้างมาตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 3 โดยด้านหน้ามีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิคที่สวยงาม เเละภายในนั้นมีความเก่าเเก่เเละหรูหราอย่างมาก
ชม Braga's Cathedral ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง Braga
นอกจากนี้เเล้วใน Braga ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายหลายต่อหลายเเห่งด้วยกันทั้งในส่วนของวิหาร Sao Frutuoso Chapel ที่มีความสวยงามเก่าเเก่เป็นอย่างยิ่งเพราะสร้างมาตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 7 เเถมยังเป็นอนุสาวรีย์ที่โด่งดังอย่างมากของโปรตุเกส ส่วนทางด้านของพิพิธภัณฑ์ D. Diogo de Sousa Museum ก็เรียกว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวของเมืองบรากาที่จัดเเสดงเอาไว้
พิพิธภัณฑ์ Museu dos Biscainhos (Biscainhos Museum) นั้นก็มีความหรูหราเเละเก็บงานศิลปะไว้อย่างมากมาย ส่วนที่สวน Garden of Santa Barbara ก็มีการตัดเเต่งที่เป็นพุ่มอย่างสวยงาม โดยมีพระราชวัง Archbishop’s Palace เป็นอีกเเห่งที่มีความสวยงามเเละไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการขนานนามว่า เอมีเนียม และได้ถูกยึดครองโดยชาวแขกมัวร์ ในปี ค.ศ.711 และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือและชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ.1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา นำชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา (Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม
ค้างคืน Coimbra ตัวอย่างโรงแรม Hotel Almedina Coimbra Centro ***
4 Fatima - Batalha - Nazare - Obidos
วันนี้เดินทางไปชมเมืองเล็ก ๆ 4 เมือง พาชมฟาติมา (Fatima) เป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวแคทอลิคทั่วโลก ในอันดับรองจากวาติกันไม่มากนัก ประวัติของฟาติมานั้น จากเดิมที่เคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทที่ห่างไกลของโปรตุเกส ทุกอย่างกลับพลิกผัน เมื่อเด็กน้อย 3 คน ยืนยันว่า พระแม่มารีเสด็จมาปรากฏร่างให้ทั้งสามได้เห็น ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1917 และภายหลัง วาติกันได้ประกาศรับรองความจริงของเหตุการณ์นี้ ทำให้คริสตศาสนิกชนจำนวนมาก พากันหลั่งไหลกันมาที่นี่ จนเมืองเติบโตกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้นมา และมีการสร้างโบสถ์และจัตุรัสขนาดยักษ์ขึ้นรองรับผู้คน ที่นี่จึงกลายเป็นศาสนสถานของชาวแคทอลิคที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้แต่สมเด็จพระสันตปาปาเกือบทุกพระองค์ ล้วนเคยเสด็จมาประกอบพิธีทางศาสนาที่นี่ทั้งสิ้น
จากนั้นไปชมเมืองบาตาลยา (Batalha) ที่อยู่ห่างออกไป 24 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆที่มีโบสถ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโปรตุเกส คือ Batalha Monastery โบสถ์นี้สร้างเพื่อถวายพระแม่มารี โดยสร้างอยู่ใกล้กับสนามรบที่พระเจ้าฌูเอาว์ที่ 1 (Jo?o I) แห่งโปรตุเกส นำทหารโปรตุเกส รบกับพระเจ้าจอห์นที่ 1 กษัตริย์แคว้นคาสตีล (John I of Castile) ซึ่งมาอ้างสิทธิครอบครองราชบัลลังก์และแผ่นดินโปรตุเกสผ่านราชินีของตน จนมีชัยชนะ ในปี ค.ศ.1385
จากนั้นพาไปเมืองนาซาเร (Nazare) ระยะทาง 33 กิโลเมตร เดิมเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ แต่ความที่มีหาดทรายกว้าง และสวยงาม ทำให้เป็นที่นิยมของชาวโปรตุเกส และชาวยุโรป มาเที่ยวพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน ทำให้หมู่บ้านขยายตัวเป็นเมือง และกลายเป็นเมืองตากอากาศที่โด่งดัง
จากนั้นเดินทางสู่เมืองโอบิดูช (Obidos) ระยะทาง 41 กิโลเมตร เมืองโอบิโดส เป็นเมืองที่ไม่ควรจะพลาดเมื่อไหนๆ ก็มาเยี่ยมเยืยนโปรตุเกสแล้ว รากฐานของคำว่าโอบีโดสมาจากภาษาละตินซึ่ง แปลว่าป้อมปราการ เหมาะกับชื่อเมืองแห่งนี้ที่สมัยก่อนเป็นเมืองป้อมที่รายล้อมด้วยกำแพงสูงเพื่อป้องกันศัตรู เป็นเมืองน่ารัก สีสันสวยงาม
โดยเฉพาะช่วงสองอาทิตย์ของเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะมีเทศกาลมาร์เก็ตยุคกลาง หรือ Medieval Market ซึ่งภายในเมืองจะมีการตกแต่งเลียนแบบสมัยยุโรปยุคกลาง (Medieval era) พร้อมกับนักแสดงกายกรรม พ่อค้าแม่ค้าแต่งตัวตามธีม อีกทั้งยังมีพาเหรดอัศวินต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองบรรยากาศของยุโรปยุคโบราณอย่างแท้จริง
ด้วยขนาดพื้นที่ของเมือง การเดินเที่ยวจึงใช้เวลาไม่นาน หนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างมาก ถึงจะเล็กแต่ก็มีของท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้มคั้นสด หรือช็อกโกแลตใส่เหล้าเชอร์รี่ ด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง และบ้านเรือนที่เป็นอาคารสีขาวเรียบง่าย แต่งแม่สีบ้างเล็กน้อย ทำให้ที่นี่เปรียบเหมือนเป็น Little Santorini ของโปรตุเกสเลยก็ว่าได้
ค้างคืน Obidos ตัวอย่างโรงแรม Josefa D Obidos - Hotel ****
5 Lisbon
วันนี้พาเที่ยวกรุงลิสบอน (Lisbon) เต็มวัน จุดชมวิวแรก ขึ้นกระเช้าไฟฟ้ารางแบบโบราณ Gloria Funicular หรือ Ascensor da Gloria ไปชมสวน Miradouro de Sao Pedro de Alcantara จะได้วิวแบบพาโนรามาของเมือง และยังได้ชมสวนสไตล์กรีก-โรมันขนาดย่อมทางชั้นล่างอีกด้วย โดยตำแหน่งตรงข้ามถนนกับสวนนั้นก็คือ Solar do Vinho do Porto หรือสถาบันพอร์ตไวน์ ที่มีไวน์ให้ลิ้มลองถึง 300 ชนิด
Portas Do Sol คือจุดชมวิวที่สอง วิวที่เห็นจะใกล้กับแม่น้ำทาโซ (Tagus River) ที่ไหลมาบรรจบกับมหาสมุทรแอตแลนติก จะได้วิวแบบพาโนรามาของหลังคาสีส้มอิฐ
จากนั้นไปชม Bairro Alto ทางตอนเหนือของกรุงลิสบอน ที่ละแวกนี้เอง คือพื้นที่ที่มีผู้คนเริ่มมาสร้างที่อยู่อาศัยนอกกำแพงเมืองลิสบอนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยลักษณะถนนจะไม่เรียบเพราะทำมาจากหินและเป็นเนินขึ้นลงตลอด อาคารตึกแถวบริเวณนี้สูงประมาณสามชั้น ตกแต่งสีสันสดไสไม่แพ้เวนิสเลยทีเดียว
บริเวณจตุรัส Chaido ใกล้กับ Bairro Alto เป็นแหล่งพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวเมือง ที่ออกมาพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด สามารถเดินมาจาก Bairro Alto ได้อย่างรวดเร็ว ละแวกนี้มีร้านขายของมากมายและร้านอาหารนานาชนิดให้ลองชิม
Jeronimos Monastery คือหนึ่งในสถานที่สำคัญที่ควรมาเยี่ยมชม เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดย UNESCO ตั้งแต่ปี 1983 โดยคำว่า monastery เมื่อแปลตรงตัวก็คืออาราม หรือที่อยู่อาศัยของพระนั่นเอง
ชมอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ (Padrao dos Descobrimentos หรือ Monument to the Discoveries) เป็นอนุสาวรีย์ติดกับแม่น้ำทาโซ (Tagus River) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสกับความสำเร็จของนักสำรวจชาวโปรตุเกสในการทำการค้าขายกับประเทศอินเดียและทวีปเอเชียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16
ไปเที่ยว Time Out Mercado da Ribeira หรือตลาดไทม์ เอาต์แห่งเมืองลิสบอน มีลักษณะคล้ายฟู้ดคอร์ตบ้านเรา แต่อีกฝั่งหนึ่งของอาคารจะเป็นตลาดสด สามารถใช้เงินสดซื้อได้เลยที่แต่ละร้าน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลเพราะเป็นอาหารหลักของโปรตุเกส เมนูที่แนะนำก็คือแซนด์วิชทูน่ารมควัน บวกกับขนมปังนิ่มสีดำที่มีความลงตัวแบบแปลกใหม่ ต้องลอง และสิ่งที่ควรต้องไปลองชิม ก็คือทาร์ตไข่ ขนมท้องถิ่นของโปรตุเกส
ตกเย็น ไปรับประทานร้านอาหารทะเล Cervejaria Ramiro ร้านนี้ไม่มีเมนูปลา ส่วนใหญ่จะเน้นกุ้ง เมนูแนะนำคือกุ้งแดงตัวใหญ่ ร้านนี้ไม่สามารถจองโต๊ะได้ จึงมีแถวยาวเหยียดรออยู่นอกร้าน แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอย เพราะอาหารทะเลสดและอร่อยมาก ส่วนราคาก็ย่อมเยา
ค้างคืน เมือง Lisbon โรงแรม Hotel Expo Astoria *** (คืนที่หนึ่ง)
6 Lisbon - Queluz
วันนี้เที่ยวลิสบอนเป็นวันที่สอง พาไปชม พิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ ที่น่าสนใจ คือ MAAT หรือ The Museum of Art, Architecture and Technology เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งศาสตร์และศิลป์ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Tagus ในเขต Belem ของกรุงลิสบอน ไม่ไกลจากหอคอยแห่งเบเลมและมหาวิหารเจโรนีโมซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง โดย MAAT วางตัวเองเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงประวัติศาสตร์ ศิลปะร่วมสมัย ตลอดจนนำเสนอวิสัยทัศน์ของงานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ สำหรับหัวเรือใหญ่ที่มารับหน้าที่เป็น Museum Director ของที่นี่ก็คือ Pedro Gadanho อดีต Curator คนสำคัญแห่ง MoMA นิวยอร์ก
จากนั้นพาไปชมเมืองใกล้ๆลิสบอนอีกเมืองที่น้อยคนนักจะแวะไปเยือน คือเมือง Queluz อยู่ห่างจากกรุงลิสบอนไป 20 กิโลเมตร พาชมวัง Queluz National Palace วังนี้ได้ชื่อว่าเป็น “แวร์ซายส์แห่งโปรตุเกส” เป็นศิลปะแบบ Baroque, Rococo, Neoclassic ที่นี่เป็นวังฤดูร้อนตั้งแต่ศตววรษที่ 17 ด้านในตกแต่งอย่างสวยงาม ท่านจะได้ชมห้องหับต่าง ๆ และของสะสมโบราณมากมาย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ถ่ายรูปได้ตามใจชอบ ด้านนอกมีสวนสวยแบบฝรั่งเศสให้ได้ถ่ายรูปสวย ๆ กันอีกด้วย
ค้างคืน เมือง Lisbon โรงแรม Hotel Expo Astoria *** (คืนที่สอง)
7 Evora
วันนี้เราจะพาท่านไปชมเมืองเอโวล่า (Evora) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลิสบอน 137 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที เมืองเอโวล่าเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก ได้รับการดูแลรักษาร่องรอยของสถาปัตยกรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน ชมวัดโรมันแห่งเอโวร่า (Roman Temple) วัดซึ่งมีเอกลักษณ์ของโรมันแสดงถึงศักยานุภาพของอาณาจักรโรมันในอดีตที่ได้แผ่ขยายมาถึงโปรตุเกส นำท่านเดินทางสู่จัตุรัสกิรัลโด (Giraldo Square) ศูนย์กลางสำคัญของเมือง และเป็นที่ตั้งของลานน้ำพุที่สร้างแบบศิลปะยุคเรอเนสซองส์
สมควรแก่เวลานำเดินทางเดินทางกลับมาค้างคืนที่กรุงลิสบอน
ค้างคืน เมือง Lisbon โรงแรม Hotel Expo Astoria *** (คืนที่สาม)
8 Faro
วันนี้เราจะพาท่านไปชมเมืองฟารู (Faro) เมืองท่าที่สำคัญของโปรตุเกส โดยเมืองนี้เป็นเขตที่อยู่ทางใต้สุดของโปรตุเกส มีความสำคัญเพราะเป็นเมืองท่าที่ติดกับสเปน เมืองนี้มีวิวทิศทัศน์ริมทะเลที่สวยงาม ชมวิวแถบอัลการ์ฟ (Algarve) และเดินเล่นในเขตเมืองเก่า Cidade Velha
สมควรแก่เวลานำเดินทางเดินทางกลับมาค้างคืนที่กรุงลิสบอน
ค้างคืน เมือง Lisbon โรงแรม Hotel Expo Astoria *** (คืนที่สี่)
9 Sintra
ออกเดินทางสู่เมือง Sintra เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกสุด เมืองแห่งปราสาทและเป็นเมืองมรดกโลกซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Lisbon ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง
ชม Pena Palace พระราชวังที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นมรดกโลก เป็นปราสาทแบบ Romantism สมัยศตวรรษที่ 19 และเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกสซึ่งมีสีสันแปลกตา จากนั้นพาไปชม National Palace of Sintra จากนั้นพาไปชม The Palace of Monteiro the Millionaire
ชมแหลม Cabo da Roca ริมทะเล จุดที่อยู่ฝั่งตะวันตกที่สุดของแผ่นดินยุโรป ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก
ค้างคืน Sintra ตัวอย่างโรงแรม Tivoli Sintra ****
10 Lisbon Portela Airport
วันนี้มีทัวร์ เราพาท่านเดินทางสู่สนามบิน Lisbon Portela Airport กรุงลิสบอน เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
ราคา
ค่ารถตู้พร้อมคนขับ ราคาเริ่มต้นวันละ 35,000 บาท
ราคารวม
1. ค่ารถตู้พร้อมคนขับ (ราคารวมค่าน้ำมัน ทางด่วน โรงแรมและอาหารของคนขับแล้ว)
2. ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์
ราคาไม่รวม
- โรงแรมของท่าน
- ที่จอดรถ จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเลือกเที่ยวจริง
- กรณีรถโค้ช ราคาไม่รวม City permit จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเที่ยวจริง, หากมีเอารถลงเรือ Ferry จ่ายเองหน้างานตามจริง
- ทิปคนขับ ตามพอใจ แนะนำ วันละ 40 ยูโร/คณะ
- อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
- หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 16,500 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว
การจ่ายเงิน
• งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,350 บาท สามารถจองผ่านบัตรเครดิต ผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน)
• งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
• งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน
• งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)